เวย์โปรตีน และเคซีน มีความแตกต่างกันอย่างไร?
เผยแพร่ จันทร์ 17 สิงหาคม 2020
ปัจจุบันในตลาดมีเวย์โปรตีนให้เลือกมากมายหลายชนิด ตั้งแต่เวย์โปรตีนที่ทำจากข้าวและป่าน ไปจนถึงแมลงและเนื้อวัว
โดยเวย์โปรตีนและเคซีนนั้นได้ผ่านการทดสอบมาเป็นเวลานาน อีกทั้งยังคงได้รับการยกย่องและได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แม้ว่าโปรตีนทั้ง 2 ชนิดนั้นจะได้มาจากนมเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก
บทความนี้ จะเป็นการอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างเวย์โปรตีนและเคซีน ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรและควรจะเลือกอะไรให้เหมาะกับความต้องการของเราเอง
โปรตีนทั้งคู่ทำมาจากนมเหมือนกัน
เคซีนและเวย์โปรตีนเป็นโปรตีน 2 ชนิดที่ถูกพบในนมวัว คิดเป็น 80% และ 20% ตามลำดับ
ซึ่งล้วนแต่เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากมีกรดอะมิโนที่จำเป็นทั้งหมดที่ต้องได้รับจากอาหารเพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ นอกจากนี้แล้วโปรตีนทั้ง 2 ชนิดนี้ยังสามารถย่อยและดูดซึมได้ง่าย
ทั้งเคซีนและเวย์โปรตีนเป็นผลผลิตพลอยได้ที่ได้จากการผลิตชีส
โดยระหว่างการทำชีส จะมีการเพิ่มเอนไซม์หรือกรดชนิดพิเศษลงในนมอุ่นๆ ซึ่งเอนไซม์หรือกรดเหล่านี้จะเข้าไปทำให้เคซีนในนมจับตัวรวมกันเป็นก้อน หรือเปลี่ยนสถานะกลายเป็นของแข็งแยกออกจากของเหลว
ซึ่งของเหลวดังกล่าวก็คือเวย์โปรตีน โดยจะถูกทำความสะอาดและทำให้แห้งกลายเป็นผงสำหรับใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร หรืออาหารเสริม
ส่วนเคซีนที่จับตัวเป็นเหมือนนมข้นนั้น จะถูกทำความสะอาดและทำให้กลายเป็นผง หรือใช้เพิ่มลงในผลิตภัณฑ์จากนม เช่น คอทเทจชีส
เวย์โปรตีนดีกว่าเคซีนสำหรับการใช้เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ
เวย์โปรตีนเหมาะสมสำหรับการออกกำลังกาย เพราะจะถูกดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว
โดยเวย์โปรตีนประกอบไปด้วย กรดอะมิโนที่มีโครงสร้างแบบกิ่งก้าน(BCAAs) ได้แก่ ลิวซีน ไอโซลิวซีน วาลีน ในขณะที่เคซีนมีกรดอะมิโนเพิ่มเข้ามามากกว่า ได้แก่ ฮิสทีดีน เมธิโอนีน และฟินิลอะลานีน
ในขณะที่กระอะมิโนที่จำเป็นทั้งหมดมีหน้าที่ในการสร้างกล้ามเนื้อ แต่ลิวซีนกลับมีหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นการทำงานของร่างกาย
ดังนั้นเวย์โปรตีนจะช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนของกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้กล้ามเนื้อเจริญเติบโตขึ้นได้ดีกว่าเคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริโภคเวย์โปรตีนควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการทราบอย่างแน่ชัดว่าการกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนของกล้ามเนื้อจะส่งผลให้กล้ามเนื้อเจริญเติบโตในระยะยาวหรือไม่
แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ ปริมาณโปรตีนที่เราได้รับในแต่ละวัน จะเป็นตัวกำหนดถึงขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
โปรตีนทั้ง 2 ชนิดมีประโยชน์แตกต่างกัน
เคซีนและเวย์โปรตีนมีสารประกอบที่แตกต่างกัน
เคซีน
เคซีนมีสารประกอบหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบย่อยอาหาร
อีกทั้งสารประกอบที่พบได้ในเคซีน ยังมีประโยชน์ต่อหัวใจในการช่วยลดความดันโลหิตและช่วยลดการก่อตัวของลิ่มเลือด
โดยสารประกอบเหล่านี้มีการทำงานที่คล้ายคลึงกับยาประเภทหนึ่งที่ถูกใช้โดยทั่วไปในการควบคุมความดันโลหิต
นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการจับและนำพาแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งมีส่วนช่วยให้การย่อยภายในกระเพาะอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เวย์โปรตีน
เวย์โปรตีน มีโปรตีนที่เรียกว่า อิมมูโนโกลบูลิน(immunoglobulins) จำนวนมากที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
ซึ่งอิมมูโนโกลบูลินนั้น มีคุณสมบัติในการฆ่า หรือการชะลอการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย เช่น แบคทีเรีย และไวรัส
จากการทดลองในสัตว์ ชี้ให้เห็นว่าโปรตีนเหล่านี้มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกและมะเร็งได้
นอกจากนี้อิมมูโนโกลบูลินบางตัวยังมีหน้าที่ในการลำเลียงสารอาหารที่สำคัญผ่านทางร่างกาย เช่น วิตามินเอ และยังช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารอื่นๆ เช่น ธาตุเหล็ก อีกด้วย
ประโยชน์ของโปรตีนในการลดน้ำหนัก
โปรตีนทำหน้าที่สำคัญหลายอย่างภายในร่างกายของเรา จึงทำให้โปรตีนมีความสำคัญต่อสุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ
โปรตีนทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ที่ช่วยเร่งอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย
เป็นแอนติบอดี้ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอม เช่นไวรัส เพื่อช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ
ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของร่างกายและช่วยให้ผิวหนังรวมไปถึงกระดูกและเส้นเอ็นแข็งแรง
ช่วยในการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาสารต่างๆ รวมไปถึงฮอร์โมน ยาและเอนไซม์ผ่านร่างกาย
นอกจากประโยชน์ขั้นพื้นฐานแล้ว โปรตีนยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่
โปรตีนช่วยในการลดไขมัน เนื่องจากโปรตีนสามารถช่วยลดความอยากอาหารและช่วยเพิ่มการเผาผลาญของร่างกายได้
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อบริโภคโปรตีนแทนคาร์โบไฮเดรตแล้ว จะสามารถช่วยเพิ่มการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้
ช่วยลดความดันโลหิต มีการศึกษาที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคโปรตีนมากขึ้นจะช่วยให้ความดันโลหิตลดลง
ซึ่งประโยชน์ที่กล่าวมานี้เกิดจากการบริโภคโปรตีนทั่วๆไปมากขึ้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเคซีน หรือเวย์โปรตีน
แล้วโปรตีนแบบไหนดีที่สุดสำหรับเรา?
แม้จะมีองค์ประกอบทางชีวภาพที่แตกต่างกัน แต่เวย์โปรตีนและเคซีนก็มีข้อมูลทางโภชนาการที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดย
เวย์โปรตีน 1 สกู๊ป (ประมาณ 31 กรัม) มี
- แคลอรี่: 110
- ไขมัน: 1 กรัม
- คาร์โบไอเดรต: 2 กรัม
- โปรตีน: 24 กรัม
- ธาตุเหล็ก: 0% ของ RDI (ปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน)
- แคลเซียม: 8% ของ RDI
เคซีน 1 สกู๊ป (ประมาณ 34 กรัม)
- แคลอรี่: 120
- ไขมัน: 1 กรัม
- คาร์โบไอเดรต: 4 กรัม
- โปรตีน: 24 กรัม
- ธาตุเหล็ก: 50% ของ RDI
เพราะฉะนั้น เราควรทราบไว้ว่าข้อมูลทางโภชนาการเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปบ้าง ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ ดังนั้นควรจะอ่านฉลากสินค้าอย่างละเอียด
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ควรพิจารณาร่วมกันอีกด้วย
- เคซีนมักมีราคาแพงกว่าเวย์โปรตีน
- เวย์โปรตีนมีแนวโน้มที่จะได้ส่วนผสมที่ดีกว่าเคซีน
- เวย์โปรตีนจะมีความเหนียวข้นและรสชาติดีกว่าเคซีน
นอกจากนี้แล้วเรายังสามารถเลือกซื้อโปรตีนที่มีการผสมระหว่างเคซีนและเวย์โปรตีนก็ได้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากโปรตีนทั้งสองชนิด
หรือเลือกซื้อโปรตีนแบบผงทั้ง 2 ชนิดแยกกัน โดยเลือกรับประทานเวย์โปรตีนร่วมกับการออกกำลังกาย และรับประทานเคซีนก่อนนอน
วิธีการรับประทานเวย์โปรตีนและเคซีน
สามารถผสมเวย์โปรตีนหรือเคซีนกับน้ำเปล่าหรือนม โดยนมจะทำให้โปรตีนเชคที่ได้มีลักษณะข้นมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผสมร่วมกับเคซีน
หากเป็นไปได้ควรผสมโปรตีนและของเหลวด้วยขวดผสมหรือเครื่องปั่นแทนการใช้ช้อน เพราะจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าโปรตีนเชคที่ได้มีความสมูทและมีโปรตีนกระจายอยู่ทั่วๆ อย่างสม่ำเสมอ
และควรเติมของเหลวก่อนเสมอแล้วจึงตามด้วยผงโปรตีน เพื่อป้องกันไม่ให้ผงโปรตีนเกาะติดที่ภาชนะ
สรุป
เคซีนและเวย์โปรตีนล้วนมีต้นกำเนิดมาจากนม
ซึ่งโปรตีนทั้ง 2 ชนิดนี้แตกต่างกันที่ระยะในเวลาในการย่อย โดยเคซีนจะย่อยสลายช้ากว่าจึงเหมาะกับการรับประทานช่วงก่อนเข้านอน ในขณะที่เวย์โปรตีนย่อยสลายอย่างรวดเร็วจึงเหมาะสำหรับการออกกำลังกาย และการสร้างมวลกล้ามเนื้อ
เคซีนและเวย์โปรตีนนั้น มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ต่างกันที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและให้ประโยชน์ต่างๆ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ควรจำเอาไว้ว่าการบริโภคโปรตีนในแต่ละวันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แม้ว่าเคซีนและเวย์โปรตีนมีความแตกต่างกัน แต่ก็มีบทบาทที่สำคัญต่อร่างกายและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพนานัปการ
reference - healthline.com